"Black Christmas หนังสยองขวัญวัยรุ่นพลังหญิง ที่ไม่มีพลังงานอย่างสิ้นเชิงเรื่องย่อ เมื่อมีนักฆ่าเผยตัวขึ้นในมหาวิทยาลัย หากแม้ตอนวันหยุด มหาวิทยาลัยฮอว์ธอร์นจะมีความเงียบสงบ แต่ว่ากลุ่มเพื่อนพ้องสาวชาวหอมูคัปป้าเอปสิลอนซึ่งมี ไรลีย์ สโตน (อิโมเจน พุทส์ จาก Green Room) มาร์ตี้ สาวนักกีฬา (ลิลี่ โดโนฮิว จาก Jane the Virgin) คริส สาวดื้อรั้น (อเลส แซนนอน จาก Charmed) เจสซี่ สาวนักกิน (บริททานีย์ โอเกรดี้ จาก Star) ก็ยังคงอยู่ตกแต่งหอจัดเตรียมรับงานฉลองในเทศกาลคริสต์มาส ในขณะนั้น ก็มีคนวิตถารที่ถูกใจแอบสะกดรอยตามเริ่มไล่ฆ่านิสิตสาวในชมรมนิสิตครั้งละคน เมื่อเริ่มมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นไรลีย์และเพื่อนพ้องๆเริ่มสงสัยผู้ชายใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็น เนท แฟนหนุ่มของมาร์ตี้ (ไซม่อน มีด จาก Same But Different: A True New Zealand Love Story) แลนดอน ผู้ชายที่มาชื่นชอบไรลีย์ (ติดอยู่เล็บ อีเบอร์ฮาร์ดส์ จาก Mozart in the Jungle) หรือ ศ.จ. เกลสัน (แครี เอลเวส) ไม่ว่าใครจะเป็นคนฆ่า เขาควรรู้ดีว่าผู้หญิงกลุ่มนี้จะไม่เปลี่ยนเป็นเหยื่อของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย“รู้งี้มองดู Last Christmas ดีมากยิ่งกว่า” เป็นเสียงของเพื่อนพ้องร่วมโรงรายหนึ่งที่เดินออกมาใกล้เคียงกัน จริงๆเขาก็อ้ำอึ้งนัก เนื่องจากว่าตามจริงหนังอีกทั้ง 2 เรื่องไม่ใช่หนังแนวเดียวกันที่จะเปรียบกันได้เลยแม้ว่าดูเหมือนรวมกลุ่มวัยรุ่นปลายๆใกล้เคียงกัน รวมทั้งที่สำคัญ Black Christmas คงจัดอยู่ในกลุ่มหนังที่ไม่มอง ชีวิตก็มิได้ขาดอะไรไปสักอย่างเลย ก็เลยไม่น่าเอาไปเทียบกับหนังอีกประเด็นไม่ว่าจะในทางอะไรก็แล้วแต่ส่วนตัวก็ไม่ได้เกลียดชังรังงอนหนังอะไร เพราะหนังก็ปฏิบัติภารกิจของมันอย่างที่มันเป็น ถึงแม้ถึงแม้ความมุ่งมาดเราเองที่ต้องการจะเจอหนังพลังหญิงที่ลุกขึ้นยืนมาสู้มาชำระแค้นอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน แบบใกล้สุดๆที่ผ่านมาก็มีเรื่อง Ready Or Not ที่ทำออกมาได้มีคลาสน่าสนใจเรื่องหนึ่ง หรือจะไม่เอาสไตล์แต่ถึงอารมณ์เข้มข้นอย่างพวกเชื้อสาย I Spit ดูหนังใหม่2021 on Your Grave ก็เป็นอีกทางที่ตลาดผู้ชมถูกใจ หรืออย่างต่ำสุดก็เอาให้ใกล้เคียงกับหนังชื่อเดียวกันเมื่อปี 1974 ที่เป็นแถวฆาตกรโรคจิตไล่ฆ่าหญิงสาวก็ยังได้รสความน่าสยดสยองบ้าง แต่ว่าหนังหัวข้อนี้ที่ดำเนินรอยตามญาติโกโหติการ่วมเชื้อสายหนังที่เป็นตัวอย่างยอดเยี่ยมๆมามาก กลับแหวกแหกลงข้างถนนไปอย่างไม่มีอะไรควรจะให้จำ เพราะเหตุว่าหน้าหนังตัวอย่างแทบเล่าหมดทั้งยังเรื่องแล้ว แม้ว่าจะตัดตัวอย่างหลอกมาให้หลงทางในตัวตนของคนร้ายว่าไม่ใช่มนุษย์หรือเปล่า? แต่จุดเฉลยคำตอบสำคัญของหนังมันก็เกือบไม่ได้เซอร์ป่าสอะไรเลยโน่นล่ะ เมื่อแก่นปัญหาว่าคนร้ายเป็นยังไงและทำไปทำไมมิได้ว้าวเว่อ พาร์ตการลุกขึ้นยืนสู้อย่างหนักของผู้หญิงที่ถูกเห็นว่าอ่อนแอแล้วก็ถูกกระทำมาตลอดเรื่อง ด้วยการแก้เผ็ดแบบโหดร้ายทารุณเลี่ยมทองของหนังก็ยิ่งลงเหวเข้าไปใหญ่ เนื่องจากว่าดูหนังเด็กช่างกลตีกันยังมองดูมันมองดูจริงเสียกว่าอีก เป็นหนังก็มิได้ชั่วช้าสารเลวขนาดต้องลุกมาด่า แต่ก็มิได้มีอะไรให้มานั่งดูหรือเชียร์เช่นกันฉากรวมพลังหญิงที่รอ แล้วอย่างไร… ขมักเขม้นตอนมองดูเกือบจะไม่อินกับดาราสักตัวเลยส่วนดีที่พอเพียงแตะได้ของหนังอาจจะเกิดเรื่องพลอตที่ว่าด้วย การต่อสู้ระหว่างคติที่เพศชายยิ่งใหญ่ กับแนวความคิดสตรียิ่งใหญ่ ที่สู้เคยชินมาตลอดประวัติศาสตร์ยุคสมัยใหม่ของผู้คน เนื่องด้วยหนังจับหนทางรู้สึกว่าเพียงพอหญิงเริ่มเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นสตรีอย่างหนัก กลายเป็นว่าสังคมมิได้มาสู่ความทัดเทียมกัน หากแม้แปลงเป็นหญิงจะครอบครองสังคมขึ้นมาแทนจากการเรียกร้องโน่นนี่ไป รวมทั้งเป็นหน้าที่ของเพศชายผิวขาวผู้มีอำนาจที่จะต้องลุกมาจัดระบบให้ถูกว่าหญิงจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาผู้ชายถัดไปโน่นล่ะดีเยี่ยมที่สุด
